Dead Rising Deluxe Remaster: การคืนชีพสุดยิ่งใหญ่ของเกมซอมบี้สุดคลาสสิก

รีวิว Dead Rising Deluxe Remaster เมื่อนรกบนดินถูกสร้างใหม่ด้วย RE Engine
Dead Rising Deluxe Remaster คือการกลับมาอีกครั้งของเกมซอมบี้สุดคลาสสิกที่เคยสร้างความตื่นเต้นให้วงการเกมในปี 2006 และในครั้งนี้ ผมได้มีโอกาสสัมผัสประสบการณ์นี้บนแพลตฟอร์ม PC ซึ่งมาพร้อมการอัปเกรดครั้งใหญ่ทั้งด้านกราฟิกและคุณภาพชีวิต (Quality of Life) ของเกมเพลย์ ผมจะพาทุกคนไปล้วงลึกถึงทุกแง่มุมของเกม ตั้งแต่ก้าวแรกที่ลงสู่ห้าง Willamette Parkview Mall จนถึงตอนจบที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความรู้สึกหลากหลาย พร้อมวิเคราะห์ว่าทำไมเกมนี้ถึงยังคงเป็นที่รักของแฟน ๆ และเหมาะสมกับผู้เล่นใหม่ในปี 2025 หรือไม่
จุดเริ่มต้นของการผจญภัย: เรื่องราวและการนำเสนอ
ผมเริ่มต้นการผจญภัยในฐานะ Frank West ช่างภาพข่าวอิสระที่มุ่งหน้าไปยังเมือง Willamette รัฐโคโลราโด เพื่อตามหาความจริงเบื้องหลังการระบาดของซอมบี้ การเล่าเรื่องของ Dead Rising Deluxe Remaster ยังคงรักษาเสน่ห์ดั้งเดิมจากปี 2006 ไว้ได้อย่างครบถ้วน ด้วยการผสมผสานระหว่างความตลกขบขัน ความน่าสะพรึงกลัว และการเสียดสีสังคมบริโภคนิยมแบบอเมริกัน เนื้อเรื่องดำเนินไปในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยซอมบี้และตัวละครสุดเพี้ยน ผมรู้สึกเหมือนถูกย้อนกลับไปในยุคที่เกมกล้าจะนำเสนอความแปลกใหม่และไม่กลัวที่จะท้าทายผู้เล่น
การนำเสนอในเวอร์ชันนี้ได้รับการปรับปรุงอย่างมากด้วย RE Engine ที่ทำให้ทุกฉากดูสมจริงยิ่งขึ้น ผมต้องยอมรับว่าการได้เห็นห้าง Willamette ในความละเอียด 4K และเฟรมเรต 60fps ทำให้ผมรู้สึกเหมือนได้เดินอยู่ในห้างจริง ๆ ที่เต็มไปด้วยรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ป้ายร้านค้า ป้ายโฆษณา และกองขยะที่กระจัดกระจาย อย่างไรก็ตาม ผมพบปัญหาการโหลดพื้นผิว (texture pop-in) ในบางฉาก โดยเฉพาะช่วงเริ่มเกม ซึ่งอาจรบกวนประสบการณ์เล็กน้อย แต่เมื่อเกมดำเนินไป ปัญหานี้ก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด

เกมเพลย์: ความโกลาหลที่ควบคุมได้
หัวใจของ Dead Rising Deluxe Remaster ยังคงเป็นเกมเพลย์แบบแซนด์บ็อกซ์ที่ให้อิสระในการสำรวจและต่อสู้ ผมสามารถหยิบทุกอย่างในห้างมาใช้เป็นอาวุธได้ ตั้งแต่ไม้เบสบอล ไปจนถึงเครื่องตัดหญ้าและหมวก Servbot สุดฮา การต่อสู้กับฝูงซอมบี้นับร้อยยังคงให้ความรู้สึกตื่นเต้น โดยเฉพาะเมื่อผมต้องฝ่าดงซอมบี้เพื่อช่วยเหลือผู้รอดชีวิตหรือทำภารกิจหลัก ระบบการต่อสู้ได้รับการปรับปรุงให้ลื่นไหลขึ้น การเคลื่อนไหวของ Frank เช่น ท่า Flying Dodge ทำได้ง่ายขึ้นด้วยการกดปุ่มเพียงครั้งเดียว แทนการกดสติ๊กซ้ำ ๆ เหมือนในออริจินัล ซึ่งช่วยลดความเมื่อยล้าของนิ้วได้ดี
ระบบเวลา 72 ชั่วโมงในเกม (ประมาณ 6-7 ชั่วโมงในโลกจริง) ยังคงเป็นจุดเด่นที่สร้างความกดดันและความตื่นเต้น ผมต้องวางแผนอย่างรอบคอบว่าจะทำภารกิจใดก่อน ช่วยผู้รอดชีวิต หรือตามหาอาวุธใหม่ การเพิ่มระบบออโต้เซฟและตัวเลือกการเร่งเวลา (fast-forward) ทำให้เกมเข้าถึงง่ายขึ้นสำหรับผู้เล่นใหม่ โดยไม่สูญเสียความท้าทาย อย่างไรก็ตาม ผมรู้สึกว่าความยากของเกมลดลงจากต้นฉบับ เนื่องจากศัตรู Psychopaths (บอสของเกม) ถูกปรับให้ง่ายขึ้น และผู้รอดชีวิตมี AI ที่ฉลาดขึ้นมากจนแทบไม่ต้องดูแล

การอัปเกรดกราฟิกและประสิทธิภาพบน PC
หนึ่งในจุดเด่นของ Dead Rising Deluxe Remaster คือการใช้ RE Engine ซึ่งทำให้กราฟิกของเกมก้าวกระโดดจากเวอร์ชัน 2006 และแม้แต่การรีมาสเตอร์ในปี 2016 ผมพบว่าตัวละครและสิ่งแวดล้อมในห้างมีรายละเอียดที่น่าทึ่ง ใบหน้าของตัวละครมีการแสดงอารมณ์ที่สมจริงยิ่งขึ้น แม้ว่าบางครั้ง Frank West จะดู “แก่” เกินไปเมื่อเทียบกับความเป็นหนุ่มนักข่าวไฟแรงในต้นฉบับ ซอมบี้แต่ละตัวมีดีไซน์ที่หลากหลายและน่าสยดสยอง ผมจำได้ว่าหยุดเล่นเพื่อซูมดูรายละเอียดของฝูงซอมบี้ที่เต็มไปด้วยเลือดและบาดแผล ซึ่งเพิ่มความสมจริงให้กับบรรยากาศ
ในด้านประสิทธิภาพบน PC ผมทดสอบเกมด้วยเครื่องที่มีสเปกกลาง-สูง (RTX 3060, Ryzen 5 5600X) และพบว่าเกมรันได้ลื่นไหลที่ 60fps ในความละเอียด 1440p โดยไม่มีปัญหาการกระตุกในฉากที่มีซอมบี้นับร้อย อย่างไรก็ตาม ผมเจออาการสะดุดเล็กน้อยเมื่อเปลี่ยนมุมกล้องในบางพื้นที่ ซึ่งอาจเป็นปัญหาจากการ优化ที่ยังไม่สมบูรณ์ ตัวเลือกการตั้งค่ากราฟิกมีให้ปรับเยอะมาก ตั้งแต่การใช้ DLSS, FSR หรือ Intel XeSS ซึ่งช่วยให้เกมเหมาะกับเครื่องหลากหลายสเปก

การปรับปรุงคุณภาพชีวิต: ทำให้เกมเข้าถึงง่ายขึ้น
สิ่งที่ทำให้ผมประทับใจมากคือการปรับปรุงคุณภาพชีวิตที่ Capcom ใส่เข้ามา ระบบ AI ของผู้รอดชีวิตได้รับการยกเครื่องใหม่ ทำให้การช่วยเหลือพวกเขาไม่ใช่ฝันร้ายเหมือนในออริจินัล ผมจำได้ว่าสมัยเล่นเวอร์ชัน 2006 ต้องคอยจับมือผู้รอดชีวิตแทบทุกก้าว แต่ใน Deluxe Remaster พวกเขาสามารถหลบซอมบี้ได้ดีขึ้นและไม่ติดขัดในมุมแคบ ๆ อีกต่อไป การเพิ่มระบบ waypoint บนแผนที่ช่วยให้ผมวางแผนเส้นทางในห้างได้ง่ายขึ้น และการถ่ายภาพ ซึ่งเป็นกลไกหลักของ Frank ก็ลื่นไหลขึ้นด้วยการเคลื่อนไหวขณะถ่าย
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงบางอย่างอาจทำให้แฟนเก่าบางคนรู้สึกขัดใจ เช่น การถอนหมวดหมู่ภาพถ่าย “Erotica” ออก ซึ่งผมมองว่าเป็นการตัดสินใจที่เหมาะสมกับยุคสมัย แต่ก็ทำให้เสียเอกลักษณ์บางส่วนไป นอกจากนี้ เสียงพากย์ใหม่ของ Frank West ซึ่งไม่ใช่ TJ Rotolo ผู้ให้เสียงดั้งเดิม ทำให้ผมรู้สึกแปลก ๆ ในช่วงแรก แม้ว่าจะเริ่มชินเมื่อเล่นไปสักพัก

ความท้าทายและความสนุกที่ยังคงอยู่
ถึงแม้ว่า Dead Rising Deluxe Remaster จะทำให้เกมง่ายขึ้นในหลายด้าน แต่ความท้าทายยังคงอยู่ ผมพบว่าการต่อสู้กับ Psychopaths ยังคงตื่นเต้นและท้าทาย แม้ว่าจะไม่ยากเท่าต้นฉบับ ตัวอย่างเช่น การเผชิญหน้ากับตัวตลกสุดวิปริตในสวนสนุกยังคงทำให้ผมต้องวางแผนอย่างรอบคอบ การใช้ทุกอย่างในห้างเป็นอาวุธทำให้ผมรู้สึกเหมือนเป็นเด็กที่ได้เล่นของเล่นใหม่ ๆ ผมสนุกมากกับการทดลองอาวุธแปลก ๆ เช่น การใช้รถเข็นช็อปปิ้งหรือเครื่องตัดหญ้าเพื่อกำจัดซอมบี้
โหมด Infinity Mode ซึ่งเป็นโหมดที่ท้าทายให้ผู้เล่นเอาตัวรอดนานที่สุด ยังคงเป็นส่วนที่ผมใช้เวลานานเพื่อปลดล็อกถ้วยรางวัล การเพิ่มฟีเจอร์ fast-forward ทำให้โหมดนี้เล่นง่ายขึ้น แต่ผมก็เจอปัญหาการแครชในโหมดนี้ ซึ่งอาจเป็นจุดที่ Capcom ต้องแก้ไขในแพตช์ต่อไป

ข้อเสียที่ยังหลงเหลือ
ถึงแม้ว่า Deluxe Remaster จะเป็นการยกเครื่องครั้งใหญ่ แต่ก็ยังมีข้อเสียที่หลงเหลือจากต้นฉบับ ระบบการต่อสู้บางครั้งรู้สึกไม่สมูท โดยเฉพาะเมื่อต้องยิงปืน ซึ่งขาดน้ำหนักและความรู้สึกถึงแรงกระแทก AI ของบอส Psychopaths บางตัวยังคงมีปัญหา เช่น การติดอยู่หลังวัตถุ ซึ่งทำให้การต่อสู้ดูง่ายเกินไปในบางครั้ง นอกจากนี้ การที่เกมยังคงโครงสร้างแบบเดิมไว้เกือบทั้งหมด ทำให้ผมรู้สึกว่า Capcom อาจพลาดโอกาสในการปรับปรุงบางส่วนให้ทันสมัยยิ่งขึ้น เช่น การออกแบบภารกิจคุ้มกันที่ยังคงน่ารำคาญในบางสถานการณ์

ความรู้สึกโดยรวมและคำแนะนำ
หลังจากใช้เวลากว่า 20 ชั่วโมงในการเล่น Dead Rising Deluxe Remaster จนจบทั้งเนื้อเรื่องหลักและภารกิจย่อย ผมสามารถพูดได้ว่านี่คือวิธีที่ดีที่สุดในการสัมผัส Dead Rising ในยุคปัจจุบัน การผสมผสานระหว่างความคิดถึงและการปรับปรุงที่ทันสมัยทำให้ผมรู้สึกเหมือนได้กลับไปเล่นเกมที่ผมรักในวัยเด็ก แต่ด้วยความสะดวกสบายที่เหมาะกับผู้เล่นยุคใหม่ ผมแนะนำเกมนี้สำหรับทั้งแฟนเก่าที่อยากย้อนความทรงจำและผู้เล่นใหม่ที่อยากลองเกมซอมบี้ที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร

คะแนน: 8.5/10
Dead Rising Deluxe Remaster ไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่เป็นการคืนชีพที่ยอดเยี่ยมของเกมคลาสสิกที่ยังคงสนุกและมีเสน่ห์ ด้วยกราฟิกที่สวยงามและการปรับปรุงที่ทำให้เกมเข้าถึงง่ายขึ้น มันคือเกมที่แฟนซอมบี้และผู้ที่รักความโกลาหลในแบบแซนด์บ็อกซ์ไม่ควรพลาด
0 ความคิดเห็น
ยังไม่มีความคิดเห็นในบทความนี้ มาเป็นคนแรกที่แสดงความคิดเห็นกันเถอะ!