Hi-Fi Rush: เมื่อโลกทั้งใบเต้นไปตามจังหวะหัวใจร็อกเกอร์
รีวิว Hi-Fi Rush: เมื่อโลกทั้งใบเต้นไปตามจังหวะหัวใจร็อกเกอร์
บทนำ: การเซอร์ไพรส์ที่น่าจดจำที่สุดแห่งปี
หากคุณติดตามวงการเกมมาสักพัก คุณคงคุ้นเคยกับการที่ค่ายเกมโปรโมตเกมนานนับปีก่อนวางจำหน่าย แต่สำหรับ Hi-Fi Rush นั้นต่างออกไป เพราะทาง Tango Gameworks ซึ่งปกติเราจะรู้จักกันดีในฐานะผู้สร้างเกมสยองขวัญอย่าง The Evil Within ได้ทำการเปิดตัวและวางจำหน่ายเกมนี้ทันทีในงานประกาศ ซึ่งสร้างความตื่นตะลึงให้กับผมและเกมเมอร์ทั่วโลกเป็นอย่างมาก และสิ่งที่น่าทึ่งยิ่งกว่าคือ มันไม่ใช่แค่เกมแก้ขัด แต่มันคือผลงานระดับมาสเตอร์พีซที่ฉีกทุกกฎเกณฑ์เดิมๆ ของค่าย
ผมได้มีโอกาสสัมผัสเกมนี้ตั้งแต่ช่วงแรกที่เปิดให้เล่น และต้องยอมรับว่าความประทับใจแรกพบนั้นเต็มไปด้วยความสนุกสนาน สดใส และพลังงานที่ล้นเหลือ Hi-Fi Rush เป็นเกมแนว Rhythm-Action ที่ผสมผสานการต่อสู้เข้ากับจังหวะดนตรีได้อย่างลงตัวที่สุดเท่าที่ผมเคยเล่นมา ในรีวิวนี้ ผมจะพาคุณไปเจาะลึกทุกรายละเอียดว่าทำไมเกมนี้ถึงครองใจผู้เล่นมากมาย และทำไมคุณถึงไม่ควรพลาดประสบการณ์สุดเหวี่ยงนี้

ระบบการเล่น: ไม่ใช่แค่ฟัน แต่ต้อง "มันส์" ให้ตรงจังหวะ
หัวใจหลักของ Hi-Fi Rush คือระบบการต่อสู้ที่ผูกติดกับจังหวะเพลง (BPM) อย่างเหนียวแน่น แต่คุณไม่ต้องกังวลไปครับถ้าคุณไม่ใช่เซียนเกมดนตรี เพราะเกมนี้ออกแบบมาให้ใจดีกับผู้เล่นมาก แม้คุณจะกดโจมตีไม่ตรงจังหวะเลย ตัวละคร Chai ของเราก็จะยังโจมตีได้ตามปกติ เพียงแต่ถ้าคุณกดได้ตรงจังหวะ "Just Timing" การโจมตีนั้นจะรุนแรงขึ้น ได้แต้มมากขึ้น และปิดท้ายคอมโบด้วยท่า Beat Hit ที่อลังการกว่าเดิม
ผมรู้สึกว่าระบบนี้ทำให้การต่อสู้ลื่นไหลอย่างไม่น่าเชื่อ การกดปุ่มโจมตีเบาและหนักสลับกันตามจังหวะเพลงกลายเป็นการเต้นรำที่สวยงาม ยิ่งเมื่อคุณปลดล็อกเพื่อนร่วมทีมอย่าง Peppermint ที่ใช้ปืนพลาสมาทำลายเกราะ หรือ Macaron ที่ใช้หมัดทุบเกราะหนัก การเรียกพวกเขาออกมาช่วยคอมโบให้ต่อเนื่องกันเป็นอะไรที่สะใจมาก นอกจากนี้ยังมีเจ้าแมวหุ่นยนต์ 808 ที่ลอยอยู่ข้างตัว คอยส่งสัญญาณจังหวะให้เราเห็นชัดๆ ทำให้การจับจังหวะเป็นเรื่องธรรมชาติ
สิ่งหนึ่งที่ผมชอบมากคือความหลากหลายของศัตรูและการออกแบบบอสไฟต์ บอสแต่ละตัวใน Vandelay Technologies มีธีมและจังหวะการโจมตีที่เป็นเอกลักษณ์ คุณจะต้องจับจังหวะการโจมตีของมันเพื่อปัดป้อง (Parry) ซึ่งเป็นระบบที่ทำออกมาได้เฉียบคม การกด Parry ให้ตรงกับเสียงดนตรีที่บอสปล่อยออกมาให้ความรู้สึกเหมือนเรากำลังดวลกีตาร์กับร็อกสตาร์ฝ่ายตรงข้ามจริงๆ

เนื้อเรื่องและบรรยากาศ: การกบฏของนาย "Chai" กับองค์กรชั่วร้าย
เรื่องราวใน Hi-Fi Rush เริ่มต้นขึ้นเมื่อ Chai เด็กหนุ่มผู้มีความฝันอยากเป็นร็อกสตาร์ ได้เข้ารับการผ่าตัดแขนกลในโครงการ Armstrong ของบริษัท Vandelay Technologies แต่เกิดความผิดพลาดเมื่อเครื่องเล่นเพลง MP3 ของเขาตกลงไปในเครื่องผ่าตัด ทำให้มันถูกฝังรวมไปกับหัวใจของเขา ผลลัพธ์คือเขากลายเป็น "Defect" หรือสินค้ามีตำหนิที่บริษัทต้องการกำจัด และเขายังมองเห็นโลกทั้งใบเคลื่อนไหวเป็นจังหวะเพลงอีกด้วย
คุณจะได้รับบทเป็น Chai ที่ต้องร่วมมือกับกลุ่มพันธมิตรเพื่อโค่นล้มผู้บริหารระดับสูงของบริษัททีละคน ตั้งแต่แผนกการผลิตไปจนถึงฝ่ายการเงิน เนื้อเรื่องนำเสนอในรูปแบบที่ตลกขบขัน เต็มไปด้วยมุกตลกที่จิกกัดวัฒนธรรมองค์กร การทำงานหนัก และวงการเทคโนโลยี บทสนทนาระหว่าง Chai และเพื่อนๆ อย่าง Peppermint หรือ CNMN (หุ่นยนต์นักจิตวิทยา) นั้นเขียนออกมาได้ยอดเยี่ยมและเป็นธรรมชาติ ทำให้ผมหลุดขำได้ตลอดทั้งเกม
บรรยากาศในเกมคือจุดเด่นที่ไม่พูดถึงไม่ได้ โลกของ Hi-Fi Rush มีชีวิตชีวาอย่างเหลือเชื่อ ทุกอย่างในฉาก ตั้งแต่ต้นไม้ ท่อระบายอากาศ ไปจนถึงลูกสูบของเครื่องจักร ขยับขึ้นลงตามจังหวะเพลง Background Music ตลอดเวลา มันทำให้คุณรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในมิวสิควิดีโอที่ไม่มีวันจบสิ้น การออกแบบฉากแต่ละโซนก็มีเอกลักษณ์ชัดเจน สะท้อนบุคลิกของบอสประจำโซนนั้นๆ ได้อย่างดีเยี่ยม

กราฟิก เสียง และประสิทธิภาพ: งานศิลป์ที่เคลื่อนไหวได้
ทางด้านกราฟิก Hi-Fi Rush เลือกใช้สไตล์ภาพแบบ Cel-Shaded ที่มีความคมชัดและสีสันฉูดฉาด เหมือนเรากำลังดูการ์ตูนอนิเมะหรืออ่านหนังสือการ์ตูนคอมิกคุณภาพสูง เอฟเฟกต์เสียงต่างๆ เวลากระทบวัตถุจะขึ้นเป็นตัวอักษรแบบในการ์ตูน (เช่น "BOOM", "WHACK") ซึ่งช่วยเสริมอารมณ์ความมันส์ได้เป็นอย่างดี แอนิเมชันของตัวละครมีความลื่นไหลระดับ 60fps ไม่มีสะดุด ซึ่งสำคัญมากสำหรับเกมที่ต้องใช้ความแม่นยำของจังหวะ
ในส่วนของเสียงเพลง นี่คือพระเอกของงานอย่างแท้จริง เกมนี้รวบรวมเพลงร็อกและอินดี้ร็อกชั้นนำมาไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเพลงจากวง Nine Inch Nails, The Black Keys หรือ The Prodigy ซึ่งแต่ละเพลงถูกเลือกมาใช้อย่างถูกจังหวะและเข้ากับสถานการณ์สุดๆ นอกจากเพลงลิขสิทธิ์แล้ว เพลง Original Soundtrack ของเกมเองก็ทำออกมาได้ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน ยิ่งเมื่อเสียงเอฟเฟกต์การต่อสู้ของคุณประสานเข้ากับเสียงกลองและเบสในเพลง มันสร้างความรู้สึก "Flow" ที่หาจากเกมอื่นได้ยากมาก
เรื่องประสิทธิภาพ (Performance) ผมต้องขอชื่นชมทีมพัฒนาที่ปรับแต่งเกมมาได้ดีเยี่ยม ผมเล่นเกมนี้โดยไม่เจอปัญหาเฟรมเรตตกหรือบั๊กที่กวนใจเลย การโหลดฉากทำได้รวดเร็ว ทำให้การเล่นมีความต่อเนื่อง ไม่ขัดอารมณ์ ซึ่งเป็นมาตรฐานที่เกมยุคใหม่ควรเอาเป็นแบบอย่าง

ข้อดีและข้อเสีย
ข้อดี
- ระบบการต่อสู้ที่สร้างสรรค์ ผสานจังหวะดนตรีได้ลงตัวและลื่นไหล
- กราฟิกสไตล์ Cel-Shaded ที่สวยงาม มีเอกลักษณ์ และคุณภาพสูง
- เพลงประกอบระดับเทพ ทั้งเพลงลิขสิทธิ์และเพลงออริจินัล
- การออกแบบตัวละครที่มีเสน่ห์ และบทสนทนาที่ตลกและน่าติดตาม
- ประสิทธิภาพของเกมดีเยี่ยม ลื่นไหล ไม่มีสะดุด
- มีความท้าทายหลากหลายระดับ ตั้งแต่ผู้เล่นใหม่ไปจนถึงฮาร์ดคอร์
ข้อเสีย
- สำหรับผู้ที่ไม่ถนัดเกมจับจังหวะ อาจต้องใช้เวลาปรับตัวสักพักในช่วงแรก
- ฉาก Platforming (กระโดดตามแท่น) บางจุดอาจกะระยะยากเล็กน้อย
- ความยาวของเกมอาจจะดูสั้นไปนิดสำหรับคนที่ติดใจและอยากเล่นต่อยาวๆ

สรุปและคะแนน: ประสบการณ์ที่คุณต้องลองสักครั้ง
โดยสรุปแล้ว Hi-Fi Rush เป็นเกมที่เปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณและความรักในการสร้างสรรค์ มันไม่ใช่แค่เกมแอ็คชันธรรมดา แต่เป็นงานศิลปะที่ผสมผสานดนตรีและเกมเพลย์เข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ หากคุณกำลังมองหาเกมที่เล่นแล้วรู้สึกสนุก สดชื่น และได้ปลดปล่อยอารมณ์ไปกับเสียงเพลง ผมขอแนะนำเกมนี้ให้คุณอย่างสุดหัวใจ ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนเกมแนว Rhythm หรือไม่ก็ตาม การได้สวมบทเป็น Chai แล้วฟาดกีตาร์ไปพร้อมกับจังหวะร็อก เป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่าทุกนาทีจริงๆ
สำหรับผม Hi-Fi Rush คือหนึ่งในเกมที่ดีที่สุดที่ผมได้เล่นในช่วงปีที่ผ่านมา และมันได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับเกมแนวนี้อย่างไม่ต้องสงสัย ถ้าคุณพร้อมที่จะระเบิดความมันส์แล้ว อย่ารอช้า หยิบจอยของคุณขึ้นมา แล้วออกไปกู้โลกในแบบฉบับร็อกสตาร์กันเถอะครับ
0 ความคิดเห็น
ยังไม่มีความคิดเห็นในบทความนี้ มาเป็นคนแรกที่แสดงความคิดเห็นกันเถอะ!